ลายไทยเป็นศิลปะแบบแผนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและสามารถเข้ากับรูปทรงเรขาคณิตได้ดีด้วยเหตุผลหลัก ดังต่อไปนี้
1. ความสมดุล (Balance)
ลายไทยดั้งเดิมถูกออกแบบโดยคำนึงถึงสมดุลทั้งด้านซ้าย-ขวา และ บน-ล่าง ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของรูปทรงเรขาคณิตเช่นกัน รูปทรงอย่างวงกลม สี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยม ล้วนมีแกนสมมาตรที่ช่วยให้ลายไทยคงความกลมกลืนและสวยงามเมื่อจัดวางลงไป
2. การจัดวาง (Composition & Structure)
รูปทรงเรขาคณิตทำหน้าที่เป็นกรอบหรือโครงสร้างที่ช่วยกำหนดขอบเขตของลายไทย ทำให้ลวดลายดูเรียบร้อย สมดุล และง่ายต่อการออกแบบในงานศิลปะและงานตกแต่งต่าง ๆ เช่น
- วงกลม: ใช้เป็นกรอบของลายดอกไม้ไทย เช่น ดอกพุดตาน หรือ ดอกบัว ซึ่งเป็นลวดลายยอดนิยมในงานศิลปะและสถาปัตยกรรมไทย
- สี่เหลี่ยม: เป็นโครงสร้างที่เหมาะกับลายที่ต้องการความเป็นระเบียบ เช่น ลายกระจัง ซึ่งมักใช้ประดับขอบหน้าต่าง เสาประดับ และเครื่องใช้ต่าง ๆ
- สามเหลี่ยม: ใช้ในการออกแบบลายที่มีลักษณะเป็นมุมยอด เช่น ลายยอดปราสาท หรือ ลายกระหนกเปลว ซึ่งต้องการความรู้สึกสูงส่งและแหลมคม
3. ความกลมกลืนเชิงโครงสร้าง (Structural Harmony)
ลายไทยและรูปทรงเรขาคณิตต่างมีพื้นฐานจากหลักการทางศิลปะที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็น ความสมมาตร (Symmetry), การทำซ้ำ (Repetition) และ จังหวะของลวดลาย (Rhythm) ซึ่งทำให้ทั้งสององค์ประกอบสามารถรวมกันได้อย่างลงตัว
การผสานลายไทยเข้ากับรูปทรงเรขาคณิตไม่เพียงแต่ช่วยให้ลวดลายมีความเป็นระเบียบมากขึ้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในงานออกแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานสถาปัตยกรรม เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ หรือแม้แต่ลายพิมพ์บนผ้าและบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่



